หัวข้อเด่น น่าสนใจ

จากธรรมกาย สู่เข็มทิศชีวิต การใช้เงินกับศาสนาไม่ใช่ของคู่กัน จริงหรือ?


การนับถือศาสนา เป็นเรื่องที่ดี และการใช้เงินเพื่อทำบุญ เพื่อหวังกุศลนั้นไม่ใช่ของคู่กันแน่นอน
กรณีของเข็มทิศชีวิต แน่นอนว่าไม่ได้หลอกลวงใคร แต่เป็นการใช้ภาพของดารามาสร้างภาพ ทำให้ครอสของครูอ้อย ดูมีเซลเลป น่าเชื่อถือ และดึงดูดผู้คนเข้ามาเรียนกับครูอ้อยมากขึ้น เรียกได้ว่าไม่ผิด แต่ก็เป็นการสร้างภาพแห่งความสุขที่ มีรายได้ให้ตัวเองเพียงอย่างเดียว นั่นคือการหลงติดใน ลาภ ยศ สรรค์เสริญ เงินทอง




  1. กรณี วัดพระธรรมกาย สอนให้คนได้ทำบุญเป็นเรื่องที่ดี แต่การทำบุญ และปฏิบัติที่ดี ถ้าคนไทยคนพุทธ ต้องมีสติ ถ้ามีสติเราจะไม่โดนครอบงำด้วยการโฆษณาชวนเชื่อที่ว่าไปนรก ไปสววรค์ด้วยการออกเงินเท่านั้นเท่านี้ และนั่งสมาธิแล้วจะได้อย่างนั้นนี้ ถ้าเราใช้หลักความเชื่อตามพุทธศาสนา หรือหลักกาลามศูตร 10ประการ เราจะมีสติ เพราะศาสนาพุทธ สอนให้คนเจริญด้วยสติ และปัญญา มากกว่าทำบุญหวังกุศล หวังวัตถุ หวังสววรค์สมบัติ เท่านั้น
  2. กรณี เข็มทิศชีวิต ของครูอ้อย เป็นการปฏิบัติธรรมที่มีความสุข ผมก็เชื่อว่าเป็นการแก้ปมปัญหาทางจิต แก้ปมปัญหาทางความคิด ปรับสติให้คนมีความสุข ปรับชีวิตให้คนรู้ถึงความดีงาม ความสวยงามของชีวิต แต่เมื่อความดีงาม ความสวยงามมันอยู่ในจิต แล้ว ทำไมยังมาส่งเสริมให้คนหลงใหลในกิเลส ยึดมั่นในเงินทอง นึกถึงเงิน พูดถึงเงิน ดึงดูดแต่เรื่องเงิน สร้างความร่ำรวยให้กับคน จนเป็นเข็มทิศที่พากันหลงทาง เน้นหนักไปทางกฏแห่งแรงดึงดูด จนลืมไปว่า ถ้าแรงดึงดูดมากเกินไป แรงสะท้อนกลับมันก็มากตามไปด้วย สิ่งใดที่มาเร็ว ย่อมไปเร็วเช่นกัน ถ้าท่านเหนื่อย ท่านจึงหายใจเร็ว ถ้าท่านสะบาย ท่านจึงหายใจผ่อนคลาย
ท้ายนี้ขอให้คนที่ได้อ่าน จงยึดมั่นในสติ เพราะถ้าเรามีสติ แล้วเราจะเกิดปัญญา และเมื่อเกิดปัญญา ก็จงพิจารณาตามหลักกาลามสูตร ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันด้วยเถิด เราจึงจะไม่หลงทิศ หลงทาง เพราะมนุษย์เราเกิดมาเพื่อมาเจริญสติปัญญา เกิดมาเพื่อมองหาหนทางดับทุกข์ จงมองดูและพิจารณาแผนที่ชีวิตของตนให้ดี เพราะพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์สาวก ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบในพระพุทธศาสนาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ท่านก็ได้ยึดมั่นในหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า และนำไปปฏิบัติ จนรู้แจ้งเห็นจริงดั่งพระธรรมคำสอนของพุทธองค์
  • เรามาจากใหน
  • เราเกิดมาทำไม
  • เราเกิดมาแล้วเรามาทำอะไร
  • เราตายแล้วเราจะไปใหน

กาลามสูตร

  1. มา อนุสฺสวเนน - อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา
  2. มา ปรมฺปราย - อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
  3. มา อิติกิราย - อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
  4. มา ปิฏกสมฺปทาเนน - อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
  5. มา ตกฺกเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเดาว่าเป็นเหตุผลกัน
  6. มา นยเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมานคาดคะเน
  7. มา อาการปริวิตกฺเกน - อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเดาจากอาการที่เห็น
  8. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา - อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
  9. มา ภพฺพรูปตา - อย่าปลงใจเชื่อ เพราะผู้พูดมีลักษณะน่าเชื่อถือ
  10. มา สมโณ โน ครูติ - อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา
จงพิจารณาดูเทิด